การที่มีบ้านอยู่ริมน้ำหรืออยู่ในน้ำอย่างเวนิสที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว จะต้องคำนึงถึงเรื่องการป้องกันน้ำกัดเซาะตลิ่งหรือดินบริเวณนั้นเพราะหากไม่มีการป้องกันแล้วจะทำให้ดินค่อยๆ ทรุดตัวลงไปในแม่น้ำซึ่งวิธีป้องกันสามารถทำได้ทั้งแบบธรรมชาติและแบบก่อสร้างซึ่งมีงบการลงทุนที่สูงตามวัสดุหรือแบบที่ต้องการ โดยที่สาเหตุต่างๆ เกิดจากลักษณะของดิน พื้นที่ของหน้าดินและกระแสน้ำ
สาเหตุที่เกิดจากดินได้แก่ ลักษณะของดินที่มีความร่วนหรือดินทรายทำให้เกิดการทรุดตัวของดินได้ง่ายกว่าจำพวกดินเหนียวที่มีความหนาแน่นของดินมากกว่า
สาเหตุของกระแสน้ำ เกิดจากกระแสน้ำที่ไหลแรงเกินกว่าที่ดินจะต้านทานได้ น้ำจึงได้พัดดินด้านล่างออกไปจนทำให้เกิดเป็นช่องดินด้านบนจึงเกิดการทรุดตัวลงมา
สาเหตุดิน พื้นที่ของหน้าดิน เช่นดินด้านบนมีการบนมีการเอียงออกไปหาน้ำมากกว่าด้านล่างจึงทำให้ง่ายต่อการทรุดตัวที่รวดเร็ว หรือ ดินด้านล่างมีความลาดชั้นไปในน้ำมากกว่าด้านบนก็จะทำให้การทรุดตัวนั้นเกิดช้ากว่าแต่ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับความแรงของกระแสน้ำ
การป้องกันด้วยวิธีธรรมชาติในหลายๆ ประเทศก็มีการเลือกพืชที่ใช้แตกต่างกันออกไปหากเป็นอย่างบ้านเราก็จะนิยมใช้หญ้าแฝกเนื่องด้วยรากที่มีความยาวในการยึดเกาะหน้าดินแต่หากเจอกกับกระแสน้ำที่แรงหรือดินที่มีลักษณะร่วมก็จะทำให้ไม่สามารถยึดอยู่ได้อีกทั้งยังต้องอาศัยระยะเวลาในการเจริญเติบโตเพื่อให้สามารถเห็นผลได้สามารถติดต่อขอรับได้ที่เกษตรจังหวัดหรือการนำไม้เป็นท่อนมาปักไว้ในน้ำเป็นแนวตามริมตลิ่ง อีกวิธีหนึ่งคือการขุดลอกคลองและนำดินที่ได้ขุดลอกมาทำเป็นแนวป้องกันหรืออัดให้แน่นกับบริเวณตลิ่งนั้น
แบบก่อสร้างเป็นการนำสิ่งต่างๆ มาเพื่อป้องกันหรือลดความแรงของกระแสน้ำในการพัดผ่านจะมีตั้งแต่การน้ำไม้มาปักเป็นแนวที่ระยะห่างพอสมควรแล้วจึงใช้ยางรถยนต์ครอบลงไปอีกครั้งลดแรงกระแทกของน้ำ หรือจะเป็นการก่อสร้างด้วยการทำแนวเขื่อนปูนซึ่งจะมีการใช้งบที่สูงอีกทั้งยังต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องและมีการศึกษาลักษณะของดินบริเวณนั้นอีกด้วยไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดการทรุดตัวของเขื่อนที่ทำไว้หากออกแบบมาไม่ดีพอ
การป้องกันเป็นส่วนหนึ่งที่รักษาตลิ่งหรือที่ดินสำหรับท่านที่มีติดกับคลองหรือทะเลเนื่องจากปัจจุบันหลายพื้นที่ได้ประสบกับปัญหานี้เป็นจำนวนมาก ทำให้ที่ดินที่มีต้องหายไปเป็นประจำทุกปีมากน้อยแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงที่พบ